วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2555

โจนาธาน นกนางนวลนอกคอก ตอนจบ

โจนาธานบินเป็นวงกลมข้างๆ เหนือหน้าผาโพ้น แล้วก็เฝ้าดู
                 เจ้านางนวลหนุ่มกร้าวเฟลทเชอร์เป็นนักเรียนบินที่เกือบเป็นเลิศ มันแข็งแรง เบาและเร็วในอากาศแต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นมันมีพลังคุกรุ่นที่จะเรียนรู้การ บิน
                แล้วในนาทีนั้นรูปร่างรางๆ สีเทาหม่นก็พุ่งดิ่งโครมครามเข้ามา พุ่งผ่านครูผู้สอนด้วยความเร็วหนึ่งร้อยห้าสิบไมล์ต่อชั่วโมง มันดึงตัวอย่างทันควันเพื่อลองอีกครั้งด้วยการบินกลิ้งอย่างช้าเป็นแนวตั้งนับสิบหก ส่งเสียงนับออกดังก้อง
               "…แปด…เก้า…สิบ…เห็นไหม-โจนาธาน-ฉันกำลังบินสุดยอดความเร็วอากาศ…สิบเอ็ด…ฉันอยากหยุด-แน่ๆ-ดีๆ อย่างเธอ สิบสอง…แต่-บ้าจัง-ฉัน-ทำ-ไม่ได้…สิบสาม…เหลือสามหลักสุดท้าย…ไม่มี…สิบสี่…โอ๊ะ!"
                 การบินชะงักของเฟลทเชอร์ตอนจะสุดยอดนี้ทำให้มันโมโหโกรธา อย่างล้นเหลือที่ล้มเหลวได้มันถลาไปข้างหลังหกคะเมนคว่ำรุนแรงและหมุนตัว กลับติ้ว แล้วมันก็ตั้งหลักได้ในที่สุด สั่นสะท้านอยู่ใต้ระดับหนึ่งร้อยฟุตจากครูผู้สอนของมัน
                "โจนาธาน เธอกำลังมาเสียเวลากับฉัน ฉันโง่เกินไป! ฉันเซ่อเกินไป! ฉันพยายามแล้วพยายามเล่า แต่จะฉันคงจะทำไม่สำเร็จ!"
                นางนวลโจนาธานมองลงไปที่มันแล้วก็พยักหน้า
                 "เธอคงทำไม่สำเร็จแน่ๆ ถ้าเธอยังคงดึงตัวแข็งอย่างนั้น เฟลทเชอร์ เธอเสียไปตั้งสี่สิบไมล์ต่อชั่วโมงตอนออกบิน! เธอต้องนุ่มนวล! แข็งแกร่งแต่นุ่มนวล จำได้ไหม"

                 เมื่อสิ้นสามเดือนโจนาธานมีนักเรียนอีกหกตัว ทั้งหมดเป็นพวกหัวเน่า แต่ก็กระหายที่จะเรียนรู้ความคิดแปลกๆ ใหม่ๆ เกี่ยวกับการบิน เพื่อความเริงรื่นแห่งการบิน
กระนั้นก็ตาม เป็นการง่ายสำหรับพวกนี้ที่จะฝึกบินชั้นสูงได้ดีกว่าที่จะเข้าใจเหตุผลที่มีอยู่เบื้องหลังการบินนั้น
                 "พวกเราแต่ละตัวโดยที่จริงเป็นความนึกคิด ของ นางนวลที่ยิ่งใหญ่ เป็นความนึกคิดของอิสระเสรีที่ไม่มีขอบเขตจำกัด" โจนาธานมักจะพูดเช่นนั้นตอนเย็นๆ บนชายหาด "และการฝึกบินเป็นขั้นตอนไปสู่การแสดงออกถึงธรรมชาติอันแท้จริงของเรา อะไรก็ตามที่จะมาจำกัดเรา เราต้องปัดออกไปเสีย และการฝึกความเร็วสูง ความเร็วต่ำ การบินกายกรรมในอากาศก็เพื่อเหตุผลที่ว่า…."
                …และนักเรียนของโจนาธาน ก็จะหลับผลอยเหน็ดหนื่อยจากการบินทั้งวัน
                 พวกนักเรียนชอบการฝึกเพราะมันเร็วและน่าตื่นเต้น การฝึกตอบสนองความกระหายที่จะเรียนรู้ซึ่งเพิ่มมากขึ้นๆ ทุกๆ บทเรียน แต่ไม่มีสักตัวเดียว แม้แต่นางนวลเฟลทเชอร์ ลินด์ ที่จะเกิดความเชื่อมั่นว่าการบินด้วยความนึกคิดจะเป็นเรื่องจริงจังเหมือน กับการบินด้วยลมและขน
                "ร่างกายของเธอทั้งหมด จากปลายปีกหนึ่งไปสุดอีกปีกหนึ่ง" โจนาธานมักจะพูดขึ้นบางขณะ "ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากความคิดของเธอเอง มันเป็นรูปร่างที่เธอมองเห็นเมื่อเธอตัดโซ่ตรวนออกจากความคิดได้ เธอก็ตัดโซ่ตรวนนั้นออกจากร่างกายได้ด้วย…"
                 แต่ไม่ว่าโจนาธานจะพูดว่าอย่างไร มันก็ฟังคล้ายๆ นิยายสนุกๆ เท่านั้น พวกนักเรียนต้องการที่จะนอนมากกว่า
                อีกหนึ่งเดือนต่อมาโจนาธานพูดว่า ถึงเวลาแล้วที่จะกลับไปหาฝูงนางนวล
                "เรายังไม่พร้อม!" นางนวลเฮนรี่ แคลวินพูดขึ้น "เราไม่ได้รับการต้อนรับ! เราเป็นพวกหัวเน่า! เราจะบังคับตัวเองให้ไปที่ที่เราไม่ได้รับการต้อนรับไม่ได้ ใช่ไหม"
                "เรามีอิสระที่จะไปที่ไหนที่เราต้องการได้ และก็เป็นอย่างที่เราเป็นอยู่อย่างนี้" โจนาธานตอบ มันบินขึ้นจากพื้นทรายมุ่งไปทางตะวันออกตรงไปยังถิ่นฐานของฝูงนางนวล
บรรดานักเรียนของโจนาธานงุนงง และปวดร้าวอยู่ขณะหนึ่งเพราะมีกฎของฝูงว่า ตัวหัวเน่า จะกลับไปอีกไม่ได้และกฎนี้ก็ไม่เคยถูกทำลายแม้แต่ครั้งเดียวในเวลาตั้งหมื่น ปี กฎบอกว่าให้อยู่ โจนาธานบอกว่าให้ไป และตอนนี้โจนาธานก็บินข้ามผืนน้ำไปได้หนึ่งไมล์แล้ว ถ้าพวกมันรีรอต่อไปอีกโจนาธานก็คงไปถึงฝูงนกที่ไม่เป็นมิตรด้วยตัวคนเดียว
                "เอาละ เราไม่จำเป็นจะต้องเชื่อกฎถ้าเราไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของฝูงนกใช่ไหม" เฟลทเชอร์พูดขึ้นอย่างมีสติ "นอกจากนั้น ถ้าเกิดต่อสู่กันขึ้น เราก็จะมีผู้ไปช่วยกันที่โน่นมากกว่าที่นี่"
                และพวกมันทั้งหมดก็บินออกจากทิศตะวันตกในเช้าวันนั้น บินเป็นรูปข้าวหลามตัดซ้อนกันทั้งแปดตัว ปลายปีกเกือบจะจรดกันพวกมันบินข้ามมายัง สภาชายหาดของฝูงด้วยความเร็วหนึ่งร้อยสามสิบห้าไมล์ต่อชั่วโมง โจนาธานนำหมู่ เฟลทเชอร์บินอย่างนุ่มนวลอยู่ทางปีกขวา เฮนรี่แคลวินมาทางซ้ายอย่างกล้าหาญ แล้วทั้งฝูงก็ร่อนอย่างช้าๆ ไปทางเบื้องขวา ทีละตัว….ได้ระดับ….หมุนกลับ…เป็นระดับ สายลมกระพืออยู่เหนือพวกมัน
                เสียงกรี๊ดกร๊าดเจี๊ยวจ๊าวอันเปนชีวิตประจำวันของฝูงนกถูกตัดขาดราวกับว่ากลุ่มของโจนาธานเป็นเสมือนมีดยักษ์ใหญ่ และแล้วดวงตาทั้งแปดพันดวงของบรรดานางนวลก็จ้องแป๋วโดยไม่กะพริบเจ้านกทั้งแปดโผบินขึ้นตั้งตรงทีละตัว บินโค้งกลมลงมายืนตรงแน่วอยู่บนพื้นทราย
                และเหมือนกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำ แต่ละวันนางนวลโจนาธานเริ่มต้นการวิพากษ์เกี่ยวกับการบิน
                "การเริ่มต้น" โจนาธานกล่าวขึ้นอย่างยิ้มเยาะ "พวกเธอทั้งหมดเข้ามาร่วมช้าไปหน่อย…"
                 มันเหมือนกับสายฟ้าฟาดผ่านฝูงนางนวล เจ้านกพวกโน้นเป็นพวกหัวเน่า! และมันได้กับมาแล้ว และนั้น..นั่นเป็นไปไม่ได้! การต่อสู้ที่เฟลทเชอร์คาดไว้ล่วงหน้ากลับหลอมละลายไปกับความสับสนงุนงงของฝูงนก
                "เอาล่ะ โอเค พวกนั้นอาจเป็นพวก หัวเน่า" นางนวลวัยรุ่นบางตัวกล่าวขึ้น "แต่พวกนั้นไปเรียนวิธีบินแบบนั้นมาจากไหนในโลกนี้นะ?
                เป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงกว่าที่คำสั่งของ นางนวลผู้ใหญ่ จะส่งผ่านฝูงนกว่าอย่าสนใจพวกนั้น นางนวลตัวใดที่พูดกับตัวหัวเน่าจะต้องเป็น หัวเน่า ไปด้วย นางนวลที่นิยมชมชื่นตัวหัวเน่าเป็นผู้ทำลาย กฎของฝูง
                นกขนสีเทาหันหลังให้กับโจนาธานนับแต่บัดนั้นเป็นต้นไปแต่โจนาธานดูจะไม่ให้ความสังเกต มันเริ่มต้นบทเรียนฝึกบินเหนือสภาชาดหาด และเริ่มหนุนให้นักเรียนของมันทำอย่างสุดความสามารถเป็นครั้งแรก
                "นางนวลมาร์ติน!" โจนาธานตะโกนก้องท้องฟ้า "เธอว่าเธอรู้เรื่องการบินความเร็วต่ำ เธอไม่รู้อะไรเลยจนกว่าเธอจะพิสูจน์ให้เห็น! บิน"
                ดังนั้น นางนวลน้อยมาร์ติน วิลเลี่ยม ผู้เงียบขรึมก็งุนงงที่โดนครูผู้สอนตะโกนว่า มันงงที่ตัวเองได้กลายเป็นผู้วิเศษแห่งความเร็วต่ำ มันสามารถโค้งขนพยุงตัวขึ้นในลมที่เบาบางที่สุด โดยไม่ต้องตีปีกแม้แต่ครั้งเดียวที่จะขึ้นจากพื้นทรายไปสู่เมฆแล้วก็กลับลงมาอีกครั้ง
                นางนวลชาลส์-โรแลนด์ก็เหมือนกัน มันบินไปกับลมภูผาใหญ่ด้วยความสูงสองหมื่นสี่พันฟุตและกลับมาอย่างสะท้านสั่นจากบรรยากาศที่หนาวเย็นและเบาบาง มันประหลาดใจ สุขใจ และตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะบินให้สูงกว่านั้นอีก
                นางนวลเฟลทเชอร์นั้นรักการบินกายกรรมมากกว่าใครทั้งหมด มันพิชิตการบินกลิ้งตรงช้านับสิบหก และในวันต่อมามันก็ทำได้ดียิ่งขึ้นด้วยการกระโดยใช้ปีกยันขาชี้ถึงสามทอดของขนมัน ส่งประกายราวแสงแดดสีขาวไปยังชายหาดซึ่งมีดวงตาลับๆ ล่อๆ มากกว่าหนึ่งดวงเฝ้ามองอยู่
               ทุกๆ ชั่วโมงโจนาธานจะอยู่เคียงข้างนักเรียนแต่ละตัวของมัน แสดงให้ดู เสนอแนะ กระตุ้นเตือน นำทางให้มัน บินไปกับพวกนักเรียนผ่านยามค่ำคืน หมอกเมฆ และพายุอย่างรื่นเริง ในขณะที่ฝูงนกต้องขดตัวทนทุกข์อยู่บนพื้นโลก
                เมื่อการบินจบลง บรรดานักเรียนจะพักผ่อนอยู่บนพื้นทรายและในเวลานั้นพวกมันจะฟังโจนาธานอย่างตั้งอกตั้งใจ โจนาธานมักจะมีความคิดประหลาดๆ ที่พวกมันไม่เข้าใจ แต่บางครั้งโจนาธานก็มีความคิดดีที่มันเข้าใจได้
                ในที่สุด ตอนกลางคืน นกอีกกลุ่มก็เข้ามาห้อมล้อมกลุ่มนักเรียน เจ้านางนวลกลุ่มที่อยากรู้อยากเห็นนี้จะยืนฟังอยู่ในความมืดเป็นชั่วโมงๆ จนจบ มันไม่อยากที่จะเห็นหรือให้ใครเห็น และมันจะค่อยๆ หายไปก่อนเวลาเช้า
                เป็นเวลาหนึ่งเดือนหลังจากที่ได้กลับมา มีนางนวลตัวแรกจากฝูงที่ก้าวเข้ามา และร้องขอที่จะเรียนรู้การบิน นางนวลเทอร์เรน โลเวล ที่เข้ามาร้องขอนั้นก็กลายเป็นนกที่ถูกประณามว่าเป็น ตัวหัวเน่า และเป็นนักเรียนตัวที่แปดของโจนาธาน คืนต่อมานางนวลเคิร์ก เมย์นาร์ด ก็ออกจากฝูงเดินโซเซมาบนพื้นทราย ลากปีกข้างซ้ายมาแล้วล้มลงที่เท้าของโจนาธาน
                 "ช่วยฉันด้วย" มันพูดอย่างแผ่วเบายิ่งนัก พูดอย่างผู้ที่จะตาย "ฉันอยากที่จะบินมากกว่าสิ่งใดๆ ในโลก"
                 "ก็มาด้วยกันซิ" โจนาธานตอบ "บินไปกับฉันให้ห่างพื้นทรายแล้วเราก็จะเริ่มต้นกัน"
                "เธอไม่เข้าใจ ปีกของฉัน ฉันขยับปีกไม่ได้"
                "นางนวลเมย์นาร์ด เธอมีอิสระที่จะเป็นตัวของตัวเอง ตัวเธอเองที่แท้จริง ที่นี่และเดี๋ยวนี้ และไม่มีอะไรจะขัดขวางเธอได้ มันเป็นกฎของนางนวลที่ยิ่งใหญ่ กฎที่เป็นเช่นนั้น"
                "เธอกำลังว่าฉันบินได้หรือ"
                "ฉันว่าเธอมีอิสระ"
                 ช่างง่ายและรวดเร็วเช่นนั้น นางนวลเคิร์ก เมย์นาร์ด กางปีกออกโดยไม่ต้องออกกำลัง และมันก็พยุงตัวขึ้นไปในอากาศอันมืดของยามค่ำคืน ฝูงนกตื่นขึ้นมาด้วยเสียงร้องของนางนวลเมย์นาร์ด ซึ่งดังสุดเสียงตะโกนของมันจากความสูงห้าร้อยฟุต "ฉันบินได้ ฟังซีฉันบินได้!"
                เมื่อดวงตะวันขึ้น มีนกเกือบพันตัวมายืนถัดจากกลุ่มนักเรียน ต่างมองดูเมย์นาร์ดอย่างสนอกสนใจ มันไม่แคร์ว่าจะถูกจ้องมองหรือไม่ และมันพยายามฟัง พยายามที่จะเข้าใจนางนวลโจนาธาน
                โจนาธานพูดถึงสิ่งง่ายๆ ว่าเป็นการถูกต้องสำหรับนางนวลที่จะบิน ว่าอิสระเสรีเป็นธรรมชาติที่แท้จริงของตนเอง ว่าอะไรที่มาขวางกั้นอิสระเสรีภาพจะต้องโยนทิ้งไป ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรม ความเชื่อโชคลาง หรือข้อจำกัดไม่ว่าจะมาในรูปใด
                "โยนทั้งไป" ทั้งกลุ่มส่งเสียงขึ้น "แม้กระทั่งกฎของฝูงนกหรือ"
                "กฎที่แท้จริงอันเดียวคือ กฎที่นำไปสู่อิสระเสรีภาพ" โจนาธานตอบ "ไม่มีกฎอื่น"
                "เธอหวังจะให้เราบินได้อย่างเธอได้อย่างไร" อีกเสียงหนึ่งกล่าวขึ้น "เธอนั้นพิศษ มีพรสวรรค์เป็นทิพย์เหนือนกอื่นใด"
                "ดูเฟลทเชอร์! โลเวล! ชาลส์-โรแลนด์! ซิ พวกเขาพิเศษ มีพรสวรรค์ เป็นทิพย์ด้วยหรือ ไม่มากมายกว่าพวกเธอ ไม่มากกว่าฉัน ข้อแตกต่างมีอันเดียว มีอันเดียวเท่านั้น คือ พวกเขาเริ่มที่จะเข้าใจว่าที่จริงแล้วเขาเป็นอะไร และเริ่มที่จะฝึกฝนอันนั้น"
                นักเรียนของโจนาธานยกเว้นเฟลทเชอร์ต่างขยับตัวอึกอัก พวกนั้นไม่ได้ตระหนักว่านั่นเป็นสิ่งที่พวกมันกำลังทำอยู่
                ฝูงนกขยายขึ้นทุกวัน บ้างมาถามคำถาม บ้างมาบูชา บ้างมาดูแคลน
                 เช้าวันหนึ่งหลังจากการฝึกบินความเร็วพิสดาร เฟลทเชอร์บอกโจนาธานว่า
                 "พวกนั้นกำลังกล่าวขวัญกันว่าถ้าเธอไม่ใช่บุตรของนางนวลที่ยิ่งใหญ่ เธอก็คงจะอยู่ก่อนกาลเวลาของเธอเองสักพันปี"
                โจนาธานถอนหายใจ มันคิดว่ารางวัลของการถูกเข้าใจผิดก็คือ จะถูกเรียกว่าเป็นปิศาจหรือไม่ก็เป็นพระเจ้า
                 "เธอล่ะคิดอย่างไรเฟลท เราอยู่ก่อนกาลเวลาของเราหรือ"
                เสียงเงียบไปนาน
                 "เออ การบินแบบนี้มีอยู่เสมอสำหรับที่ใครก็ได้จะเรียนรู้ และใครก็ได้ที่ต้องการจะค้นพบ มันไม่เกี่ยวกับเรื่องกาลเวลา บางทีเราคงจะนำในเรื่องรูปแบบ นำในเรื่องวิธีบินของนกส่วนมาก"
                 "นั่นน่าฟังดี" โจนาธานตอบ มันโผร่อนหมุนตัวกลับชั่วขณะหนึ่ง "นั่นไม่เลวเท่าครึ่งหนึ่งของการอยู่ก่อนกาลเวลาของเรา"
                 เหตุเกิดขึ้นหนึ่งสัปดาห์ต่อมา เฟลทเชอร์กำลังแสดงบทเบื้องต้นเกี่ยวกับการบินความเร็วสูงให้นักเรียนชั้นใหม่ดู มันเพิ่งดึงตัวจากการพุ่งตัวจากระดับเจ็ดพันฟุต เจ้านกหนุ่มตัวหนึ่งซึ่งเพิ่งหัดบินเป็นครั้งแรกร่อนสวนตรงเข้ามา ทางยาวสีเทาหม่นปะทุขึ้นสองสามนิ้วฟุตเหนือหาดทราย เจ้านกหนุ่มส่งเสียงลั่นร้องเรียกแม่ เฟลทเชอร์มีเวลาเพียงหนึ่งในสิบของวินาทีเท่านั้นที่จะหักตัวกลับ เจ้านางนวลหนุ่ม นางนวลเฟลทเชอร์ ลินด์ พุ่งไปทางซ้ายอย่างรุนแรงด้วยความเร็วเกินสองร้อยไมล์ต่อชั่วโมงเข้าปะทะหน้าผาหินแข็ง
                หินผานั่นเป็นเสมือนประตูยักษ์แข็งกร้าว ที่เปิดไปสู่อีกโลกหนึ่งสำหรับเฟลทเชอร์ มันระเบิดด้วยความกลัว ช็อค และกลับดำมืดสนิทเมื่อเข้าไปปะทะ และแล้วมันก็ล่องลอยไปในท้องฟ้าที่ประหลาดแสนประหลาด มันลืมสิ้น มันจำได้มันลืมมันกลัว เศร้าและเสียใจมันเสียใจหนักหนา
                แต่เสียงหนึ่งก็ดังเข้าเหมือนดังวันแรกที่มันพบ นางนวล : โจนาธาน ลิฟวิงสตัน
                "เฟลทเชอร์ เคล็ดลับก็คือ เรากำลังพยายามที่จะพิชิตข้อจำกัดของเราอย่างมีระเบียบ : อย่างอดทน เราไม่บินผ่าหินผา จนกว่าจะถึงระยะหลังในรายการของเรา"
                "โจนาธาน!"
                "หรืออย่างที่รู้จักกันในนาม ลูกชายนางนวลที่ยิ่งใหญ่" ครูผู้สอนของมันกล่าวขึ้นอย่างกระด้าง
                "เธอมาทำอะไรที่นี่ หน้าผา! ฉันไม่ได้…ฉันไม่…ตายไปแล้วหรือ"
                "โธ่ เฟลท ไม่เอาละ คิดซิ ถ้าหากว่าเธอกำลังพูดอยู่กับฉันเดี๋ยวนี้นี่ เธอก็ยังไม่ตายแน่ ใช่ไหม ที่เธอได้ทำไปก็คือเปลี่ยนระดับของสติสำนึกอย่างกะทันหัน ตอนนี้แล้วแต่เธอจะเลือกเอา เธอจะอยู่ที่นี่แล้วก็เรียนรู้ในระดับนี้ก็ได้ ซึ่งเป็นระดับที่สูงจากที่ที่เธอจากมามากนัก หรือเธอจะกลับไปเพื่อทำงานให้กับฝูงก็ได้ พวกนกผู้ใหญ่ กำลังหวังไว้ว่าจะมีความหายนะบางอย่าง แต่พวกนั้นตกตะลึงที่เธอทำให้สมใจเขาอย่างล้นเหลือ"
                "ฉันอยากกลับไปหาฝูง แน่นอน ฉันเพิ่งจะเริ่มต้นกับพวกกลุ่มใหม่!"
                "ดีแล้ว เฟลทเชอร์ จำที่เราพูดไว้ว่าร่างกายไม่ใช่อะไร นอกจากความนึกคิดของเราเอง….?"
                เฟลทเชอร์สั่นหัว กางปีกออก ลืมตาขึ้นที่ตรงตีนหน้าผา มันปรากฎตัวท่ามกลางฝูงนกที่ชุมนุมอยู่ เมื่อมันเริ่มขยับตัวก็มีเสียงโห่ร้องกรี๊ดกร๊าดเจี๊ยวจ๊าวจากกลุ่มนก
                "เขายังมีชีวิต! เขาที่ตายไปแล้ว ยังมีชีวิตอยู่"
                "เพียงแต่เอาปลายปีกไปแตะ! ก็ทำให้เขาคืนชีวิตขึ้นมา! ลูกชายของนางนวลที่ยิ่งใหญ่"
                "เปล่า! เขาปฏิเสธ! เขาเป็นปิศาจ! ปิศาจ! มาทำลายฝูงนก!"
                กลุ่มนางนวลนั้นมีอยู่ด้วยกันสี่พันตัว ตกใจสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วส่งเสียงร้องว่า ปิศาจ! ซึ่งดังไปทั่วราวกับลมพายุมหาสมุทร กลุ่มนกก้าวเข้ามาด้วยดวงตาวาว ปากเชิด มุ่งที่จะบดขยี้
                โจนาธานพูดขึ้น "จะดีสำหรับเธอไหมถ้าเราจะไปกันเสียเฟลทเชอร์"
                "ฉันก็จะไม่ขัดนักถ้าเราจะไป….."
                ในทันใดนั้น นกทั้งสองก็ไปยืนคู่กัน ห่างออกไปครึ่งไมล์และปากอันแวววาวของฝูงก็งับได้แต่อากาศอันว่างเปล่า
                "ทำไมนะ" โจนาธานถามอย่างงงวย "สิ่งที่ยากเย็นที่สุดในโลก คือการที่จะทำให้นกตัวหนึ่งเชื่อว่าตนเป็นอิสระและให้เขาเชื่อว่าเขาจะ พิสูจน์ตัวเองได้ เพียงแต่ใช้เวลาฝึกฝนเพียงนิดเดียว ทำไมมันช่างยากอย่างนั้น"
                เฟลทเชอร์ยังคงกะพริบตาต่อความเปลี่ยนแปลงของทัศนภาพ
                 "เธอทำอะไรเมื่อกี้นี้นะ เรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร"
                "เธอว่าเธออยากออกมาจากฝูงนกไม่ใช่หรือ ใช่ไหม"
                "ใช่! แต่เธอทำอย่างไร…"
                "ก็เหมือนอย่างอื่นนั่นแหละ เฟลทเชอร์ ฝึกฝน"
                 เมื่อถึงตอนเช้า พวกฝูงนกก็ลืมความบ้าคลั่งของมันได้ แต่เฟลทเชอร์ยังไม่ลืม
                 "โจนาธาน จำที่เธอพูดมานานแล้วได้ไหม เรื่องให้รักฝูงนกแล้วกลับไปช่วยให้เขาเรียนรู้"
"จำได้"
                "ฉันไม่เข้าใจเลยว่า เธอจะรักฝูงนกบ้าคลั่งที่พยายามจะฆ่าเธอ"
                "โอ เฟลท เธอไม่ได้รักสิ่งนั้น เธอไม่ได้รักความเกลียดชังและความชั่วช้า แน่นอนเธอจะต้องฝึกที่จะมองเห็นนางนวลที่แท้จริง ถึงความดีที่มีอยู่ในแต่ละตัว และช่วยให้เขามองเห็นสิ่งที่อยู่ในตัวเอง นั่นคือสิ่งที่ฉันหมายถึงความรัก มันจะสนุกเมื่อเธอแคล่วคล่องเรื่องนี้"
                "เป็นต้นว่าฉันจำเจ้านกหนุ่มดุดัน ชื่อนางนวล : เฟลทเชอร์ ลินด์ได้ เพิ่งจะถูกไล่เป็นตัวหัวเน่าและก็พร้อมจะกลับไปสู้กับฝูงให้ตายกันไป แล้วก็เริ่มต้นสร้างสมนรกแห่งความขมขื่นเหนือหน้าผาโพ้น แต่เดี๋ยวนี้ ที่นี่เขากำลังสร้างสรรค์สวรรค์แทน และก็กำลังจะนำฝูงนกทั้งฝูงไปในแนวทางนั้น"
                เฟลทเชอร์หันไปหาครูสอนของมัน และมีชั่วขณะหนึ่งแห่งความตื่นตระหนกในดวงตา "ฉันนะรึ นำฝูง? เธอหมายความว่าอย่างไร ฉันนำฝูง? เธอเป็นครูผู้ฝึกที่นี่ เธอจะไปไม่ได้!"
                "ไปไม่ได้หรือ เธอไม่คิดหรือว่าอาจจะมีฝูงอื่น เฟลทเชอร์ตัวอื่น ซึ่งต้องการครูผู้ฝึกมากกว่าตัวนี้ ตัวนี้ซึ่งกำลังเดินทางไปสู่ความสว่าง?"
                "ฉันนะรึ จอน ฉันเป็นนางนวลธรรมดา และเธอเป็น…"
                "….ลูกชายผู้เดียวของนางนวลที่ยิ่งใหญ่ ฉันคิดไว้แล้ว?" โจนาธานถอนใจและมองออกไปสู่ท้องทะเล
                 "เธอไม่ต้องการฉันต่อไปอีกเท่าไรแล้ว เธอต้องค้นพบตัวเอง ทีละน้อยๆ ทุกวันให้พบ นางนวลเฟลทเชอร์ที่แท้จริงไม่มีขอบเขตจำกัด เขาจะเป็นครูผู้ฝึกของเธอ เธอจะต้องเข้าใจเขาและฝึกกับเขา"
                ชั่วขณะหนึ่งต่อมา ร่างของโจนาธานก็ขึ้นไปลอยอยู่กลางอากาศ ส่งแสงแวววับและก็เริ่มจะจางหายไป
                 "อย่าปล่อยให้พวกนั้นปล่อยข่าวลือโง่ๆ เกี่ยวกับฉันหรือทำฉันให้เป็นพระเจ้า โอเค เฟลท? ฉันเป็นนางนวล ฉันชอบบิน บางที…"
                "โจนาธาน"
                "เฟลทที่น่าสงสาร อย่าเชื่อสิ่งที่ดวงตาของเธอกำลังบอกเธอ สิ่งที่มันบอกมีข้อจำกัด จงดูด้วยความเข้าใจ ค้นหาสิ่งที่เธอได้รู้มาแล้ว แล้วเธอก็จะพบหนทางที่จะบิน"
                แสงแวววาวนั้นดับไป โจนาธานนางนวลหายวับไปในอากาศที่ว่างเปล่า
                เวลาผ่านไป นางนวลเฟลทเชอร์พยุงตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าและเผชิญหน้ากับกลุ่มนักเรียนใหม่ ที่กระหายที่จะเรียนบทฝึกหัดแรก
                "การเริ่มต้น" เฟลทเชอร์พูดอย่างหนักแน่น "เธอจะต้องเข้าใจว่า นางนวลเป็นความนึกคิดของอิสระเสรี เป็นภาพของนางนวลที่ยิ่งใหญ่ และร่างกายของเธอทั้งหมดจากปลายปีกหนึ่งสู่อีกปลายหนึ่งไม่ใช่อะไรอื่น นอกจากความคิดของเธอเอง"
                บรรดานางนวลหนุ่มมองมันอย่างงงงวย ไม่เอาน่ะพวกมันคิด นี่มันฟังไม่เหมือนกฎหมายบินร่อนลงเลย
เฟลทเชอร์ถอนใจแล้วก็เริ่มใหม่อีก
                 "เออ เออ เอาล่ะ" มันพูดขึ้นแล้วก็มองพวกนั้นอย่างเคร่งเครียด" เรามาเริ่มต้นด้วยการบินระดับ" และแล้วด้วยการพูดเช่นนั้นมันก็เข้าใจในทันทีว่า เพื่อนของมันไม่ได้เป็นทิพย์อย่างจริงจังมากไปกว่าเฟลทเชอร์เอง ไม่มีขอบเขตจำกัดหรือ โจนาธาน? มันคิด ใช่ล่ะ ดังนั้นเวลาก็ไม่ใช่กาลห่างไกลออกไป เมื่อฉันจะปรากฎตัวออกจากบรรยากาศอันเบาบางที่ชายหาดของเธอ และก็แสดงให้เธอเห็นสักอย่างสองอย่างในเรื่องการบิน!
และแม้ว่ามันจะพยายามทำตัวให้เคร่งครัดถูกต้องต่อหน้าบรรดา นักเรียนของมัน นางนวลเฟลทเชอร์เห็นในทันทีทันควันว่าสภาพที่แท้จริงของพวกนั้นเป็นอย่างไร และชั่วขณะหนึ่งมากกว่าที่มันจะชอบก็คือมันรักสิ่งที่มันมองเห็น                 ไม่มีขอบเขตจำกัดหรือโจนาธาน? มันคิด มันยิ้มขึ้น และแล้วการแข่งขันที่จะเรียนรู้ของมันก็เริ่มขึ้น




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น