วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2554

โจนาธาน ตอนสอง (3)

นางนวลเฟลทเชอร์ ลินด์ ยังเป็นหนุ่มน้อย แต่มันก็รู้ว่าไม่มีนกใดๆ เคยถูกปฏิบัติตอบอย่างรุนแรงโดยฝูงนกหรืออย่างไร้ความยุติธรรมยิ่งเท่ามัน
"ฉันไม่แคร์ว่าพวกนั้นจะพูดว่าอะไร"
มันคิดอย่างหนักหน่วงและสายตามันก็พร่าเมื่อบินออกไปสู่ หน้าผาโพ้น
"การบินมีอะไรๆ มากมายกว่าเพียงการกระพือปีก จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง! ย…ย…ยุง ก็ทำอย่างนั้นได้ ฉันเพียงแต่บินหมุนสว่านเล่นรอบๆ นางนวลผู้ใหญ่นิดเดียว เพื่อความสนุกเท่านั้น ฉันก็กลายเป็นตัวหัวเน่า พวกนั้นตาบอดกระมัง พวกนั้นมองไม่เห็นหรือ พวกนั้นคิดถึงความรุ่งโรจน์ที่จะมีมาเมื่อเราเรียนรู้การบินอย่างจริงจังไม่ได้หรือ
"ฉันไม่แคร์ว่าพวกนั้นจะคิดอย่างไร ฉันจะแสดงให้เขาเห็นว่าการบินเป็นอย่างไร ฉันจะแสดงให้เขาเห็นว่าการบินเป็นอย่างไร! ฉันจะเป็นตัวนอกกฎนอกเกณฑ์จริงๆ ถ้าเขาต้องการแบบนั้น และฉันจะทำให้เขาเสียใจนักเชียว…"
เสียงหนึ่งดังเข้ามาในหัวของเฟลทเชอร์ ลินด์ แม้ว่าเสียงนั้นจะอ่อนโยน แต่ก็ทำให้มันตกใจมากจนชะงักและสะดุดอยู่กลางอากาศ
"อย่างรุนแรงกับพวกเขานัก นางนวลเฟลทเชอร์ การขับไสเธออกมานั้นนางนวลอื่นๆ ได้ทำร้ายตนเอง และสักวันหนึ่งพวกนั้นจะรู้ และสักวันหนึ่งพวกนั้นจะเห็นสิ่งที่เธอเห็นอภัยให้เข้า และจงช่วยให้เขาเข้าใจ"
นางนวลที่ขาวสดใสที่สุดในโลกกำลังบินอยู่ห่างจากปลายปีกขวาของเฟลทเชอร์เพียงหนึ่งนิ้ว ร่อนเรียงมาโดยปราศจากความพยายามใดๆ ไม่ขยับขนแม้แต่เส้นเดียว และก็บินเกือบเท่าความเร็วสูงสุดของเฟลทเชอร์ มันเป็นชั่วขณะของความปั่นป่วนต่อเจ้านกหนุ่ม
"เกิดอะไรขึ้น ฉันบ้าไปหรือ ฉันตายไปแล้วหรืออะไรนี่"
เสียงนั้นดังเข้ามาอีกในความคิดของเฟลทเชอร์ ทุ้มและนุ่มนวล และถามหาคำตอบขึ้น
"เฟลทเชอร์ ลินด์นางนวลเธออยากบินไหม"
"ใช่ ฉันอยากบิน!" "เฟลทเชอร์ ลินด์ นางนวล
" เธออยากบินมากกระทั่งเธอจะอภัยให้ฝูงนก เรียนรู้ และกลับไปหาพวกเขาสักวันหนึ่ง และช่วยให้เขารู้ใช่ไหม" ไม่ว่านางนวลเฟลทเชอร์จะทะนงหรือปวดร้าวสักเท่าใด มันก็ไม่มีความโป้ปดมดเท็จต่อเจ้านกที่ชำนิชำนาญวิเศษนั้น
"ใช่" มันตอบอย่างอ่อนโยน
"เอาล่ะ เฟลทเชอร์" เจ้าสัตว์สุกใสพูดกับมัน น้ำเสียงกรุณายิ่งนัก
"เรามาเริ่มต้นด้วยการบินระดับตรง…"





วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

โจนาธาน ตอนสอง (2)

วันแล้ววันเล่า โจนาธานเฝ้าฝึกฝนอย่างทรหดตั้งแต่ก่อนตะวันขึ้นจนเลยเที่ยงคืน และด้วยความมานะทั้งหมดโจนาธานมิได้ขยับเขยื้อนจากตำแหน่งที่ของมันแม้แต่ช่วงขนเดียว
             "ลืมความศรัทธาซะ!" เจียงพูดแล้วพูดอีก "เธอไม่ต้องศรัทธาเพื่อจะบิน เธอต้องการความเข้าใจการบิน นี่ก็เหมือนเดิมอีก ลองใหม่อีกทีซิ.."


             ต่อมาวันหนึ่ง โจนาธานยืนอยู่ที่ชายฝั่ง หลับตา สำรวม ทันใดนั้นมันก็รู้สิ่งถึงสิ่งที่เจียงได้บอกมันไว้
             "ทำไม ใช่แล้ว ฉันเป็นเลิศ เป็นนางนวลที่ไม่มีขอบเขตจำกัด!" มันรู้สึกตระหนกด้วยความยินดียิ่งนัก
             "ดีแล้ว!" เจียงดูมีชัยชนะในน้ำเสียงของมัน
             โจนาธานลืมตาขึ้น มันมายืนโดดเดี่ยวอยู่กับนางนวลผู้ใหญ่บนชายฝั่งประหลาดอีกแห่ง ต้นไม้ระลงไปที่ริมขอบน้ำ ดวงตะวันสีเหลืองสองดวงหมุนเวียนอยู่เหนือหัว
             "ในที่สุดเธอก็ได้ความคิด" เจียงว่า "แต่การบังคับของเธอต้องฝึกฝนหน่อย…"
             โจนาธานงุนงง "เราอยู่ที่ไหนนี่" นางนวลผู้ใหญ่ปัดคำถามนั้นไป โดยที่ไม่ตื่นเต้นกับสภาพแวดล้อมที่ประหลาดนั้น
             "ก็เห็นได้ชัดนี่ เราอยู่บนดาวพระเคราะห์ดวงหนึ่งที่มีท้องฟ้าสีเขียว และมีดาวสองดวงแทนดวงตะวัน" โจนาธานส่งเสียงด้วยความดีใจ
             เป็นครั้งแรกที่มันส่งเสียงร้องนับแต่จากโลกมา
             "ได้ผล"
             "ใช่ แน่นอนมันได้ผล จอน" เจียงพูด "มันได้ผลเสมอเมื่อเธอรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ทีนี้เรื่องการบังคับของเธอ…."


             เมื่อถึงตอนที่นางนวลทั้งสองกลับก็มืดแล้ว นางนวลอื่นๆ มองโจนาธานด้วยดวงตาสีทองอย่างประหลาดใจ เพราะพวกนี้ได้เห็นโจนาธานหายไปจากที่ที่มันได้มาอยู่เป็นเวลานาน โจนาธานยืนรับการอวยพรนั้นเพียงไม่ถึงนาที
             "ฉันเป็นผู้มาใหม่ที่นี่! ฉันเพิ่งจะเริ่มต้น! ฉันเป็นผู้ที่ต้องเรียนรู้จากเธอๆ !"
             "ฉันไม่แน่ใจเรื่องนั้น จอน" ซัลลิแวนซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ พูดขึ้น "เธอมีความหวาดกลัวที่จะเรียนน้อยกว่านางนวลใดๆ ที่ฉันเคยเห็นมาในเวลาหมื่นปี" ฝูงนางนวลนิ่งเงียบ และโจนาธานก็อายอึกอักอยู่
             "เราเริ่มฝึกเกี่ยวกับกาลเวลาได้แล้ว ถ้าเธอต้อง" เจียงกล่าวขึ้น "จนกระทั่งเธอสามารถบินอดีตและอนาคตได้ และเมื่อนั้นเธอจะได้พร้อมที่จะเริ่มสิ่งที่ยากที่สุด มีพลังที่สุด และสนุกที่สุด เธอจะพร้อมที่จะเริ่มบินขึ้น และรู้ถึงความหมายของความเมตตาและความรัก"

             หนึ่งเดือน หรือไม่ก็สิ่งที่รู้สึกคล้ายๆ กับเวลาหนึ่งเดือนผ่านไป โจนาธานเรียนรู้เร็วจากประสบการณ์ธรรมดาๆ และถึงตอนนี้นักเรียนพิเศษของนางนวลผู้ใหญ่เอง ก็ได้ความคิดใหม่มาราวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนเพรียวลม แต่แล้ววันที่เจียงจะหายวับไปก็มาถึง เจียงกำลังคุยอย่างเงียบๆ อยู่กับบรรดานางนวลทั้งหมด กระตุ้นให้พวกนั้นไม่หยุดยั้งการเรียนรู้ ฝึกฝน พิชิต เพื่อที่จะได้เข้าใจหลักการแห่งชีวิตทั้งมวลที่เป็นเลิศและมองไม่เห็นยิ่งขึ้น และแล้วขณะที่มันพูดอยู่ ขนของเจียงก็สดใสขึ้นๆ จนในที่สุดบรรเจิดจ้ากระทั่งไม่มีนางนวลใดมองตัวเจียงได้
             "โจนาธาน" เจียงพูด และก็เป็นคำสุดท้ายที่มันพูด
             "จงฝึกความรักเอาไว้"

             เมื่อนางนวลทั้งหลายมองอีกครั้งหนึ่ง เจียงก็หายไปเสียแล้ว ในขณะที่วันคืนผ่านไป โจนาธานรู้สึกว่าตนกำลังคิดถึงโลกที่มันจากมาครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าหากว่ามันรู้เมื่ออยู่ที่โน่นเพียงหนึ่งในสิบ หนึ่งในร้อยของที่นี่ ชีวิตคงจะมีความหมายมากมายเหลือเกิน!

             โจนาธานยืนอยู่บนหาดทราย และสงสัยว่าจะมีนางนวลสักตัวที่โน่นไหมที่กำลังต่อสู้เพื่อฟันฝ่าเขตวงจำกัดออกมา เพื่อที่จะพบความหมายของการบินนอกเหนือไปจากบินไปเอาเศษขนมปังจากเรือกรรเชียง บางทีอาจจะมีนกสักตัวที่ถกูขับเป็นตัวหัวเน่าไปแล้วก็ได้ ในฐานะที่พูดความจริงต่อหน้าฝูงนางนวล และยิ่งโจนาธานฝึกบทความเมตตามากขึ้นเท่าใด ฝึกเรียนรู้ธรรมชาติของความรักขึ้นเท่าใด มันก็อยากกลับไปยังโลกมากขึ้นเท่านั้น แม้ว่ามันจะมีอดีตที่เปล่าเปลี่ยว โจนาธาน ก็เกิดมาเพื่อเป็นครูผู้สอน และหนทางที่มันจะเสนอความรักได้ก็คือให้ความจริงบางประการที่มันได้พบเห็น ให้ต่อนางนวลสักตัวที่ร้องขอแต่เพียงโอกาสที่จะค้นหาความจริงให้ตนเอง ซัลลิแวนซึ่งบัดนี้ช่ำชองในการบินความเร็วความคิดและกำลังช่วยนกอื่นๆ ให้เรียนรู้อยู่ ยังสงสัยนัก
             "จอน ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นตัวหัวเน่า ทำไมเธอถึงคิดว่านางนวลครั้งก่อนเก่าของเธอจะรับฟังเธอในตอนนี้ เธอรู้สุภาษิตที่เป็นจริงว่า : นางนวลที่บินสูงที่สุด ย่อมมองเห็นไกลที่สุด นางนวลที่เธอจากมาเหล่านั้นได้แต่ยืนบนพื้นทราย ร้องเอะอะแย่งชิงในหมู่กันเองพวกนั้นอยู่ห่างไกลสวรรค์ตั้งพันไมล์แล้ว เธอว่าเธออยากจะแสดงให้เขาเห็นถึงสวรรค์จากที่ที่เขายืนอยู่! จอน พวกนั้นมองแม้แต่ปลายปีกของตนก็ไม่เห็น! อยู่ที่นี่เถิด ช่วยนางนวลใหม่ๆ ที่นี่ นางนวลที่สูงส่งพอที่จะเห็นสิ่งที่เธอบอกให้เขาฟัง"
             ซัลลิแวนเงียบไปชั่วครู่ แล้วพูดขึ้นอีกว่า "ถ้าหากว่าเจียงกลับไปโลกของเขาเสียก่อน? เธอจะเป็นอย่างไรในวันนี้?"
             จุดสุดท้ายนั้นแจ่มแจ้งนัก และซัลลิแวนพูดถูก นางนวลที่บินสูงที่สุด ย่อมมองเห็นไกลที่สุด โจนาธานอยู่ต่อไปและช่วยฝึกนกใหม่ๆ ที่เข้ามา พวกนั้นทั้งหมดฉลาดและรวดเร็วในบทเรียนอย่างยิ่ง แต่ความรู้สึกเก่าก็กลับมาอีก โจนาธานช่วยไม่ได้ที่จะคิดว่าอาจจะมีนางนวลสักตัวหรือสองตัวบนพื้นโลก ที่สามารถเรียนรู้ได้ โจนาธานคงจะได้เรียนรู้มากมายแล้วในบัดนี้ถ้าหากเจียงได้ไปหามันวันที่มันถูกขับเป็นตัวหัวเน่า!
             "ซัลลี่ ฉันต้องกลับไป" โจนาธานพูดขึ้นในที่สุด "นักเรียนของเธอกำลังทำได้ดี เขาจะช่วยเธอฝึกนกตัวใหม่ๆ ได้ต่อไป" ซัลลิแวนถอนหายใจแต่มิได้โต้แย้ง
             "ฉันคิดว่าคงจะคิดถึงเธอ โจนาธาน" มันพูดแค่นั้น
             "ซัลลี่ น่าอาย!" โจนาธานพูดขึ้นอย่างตำหนิ "แล้วก็อย่าเหลวไหล! เรากำลังพยายามฝึกทำอะไรอยู่ทุกวันๆ? ถ้าหากมิตรภาพของเราขึ้นอยู่กับสิ่งที่เป็นสถานที่และกาลเวลา และเมื่อเราพิชิตสถานที่และกาลเวลาได้ในที่สุด เราก็ทำลายภราดรภาพของเราเอง! แต่เมื่อเราพิชิตสถานที่เราก็จะเหลือแต่ ที่นี่ เมื่อเราพิชิตกาลเวลา เราก็เหลือแต่ปัจจุบันและในระหว่างกลางของ ที่นี่ และ ปัจจุบัน เธอไม่คิดหรือว่าเราอาจจะได้พบกันอีกสักครั้งหรือสองครั้ง?"
             นางนวลซัลลิแวนหัวเราะขึ้นทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ควร
             "เธอนกบ้า" มันพูดขึ้นอย่างใจดี "ถ้าจะมีใครสักตัวที่จะทำให้ผู้อยู่บนพื้นโลกเห็นได้ไกลออกไปสักพันไมล์ ก็คงจะเป็นนางนวล : โจนาธาน ลิฟวิงสตัน นั่นเอง"
             ซัลลิแวนมองดูพื้นทราย
             "ลาก่อน จอนเพื่อนฉัน"
             "ลาก่อน ซัลลี่ เราจะพบกันอีก"

             และดังนั้น โจนาธานก็วาดมโนภาพนางนวลกลุ่มใหญ่บนชายหาดของอีกกาลเวลาหนึ่ง และมันรู้ได้โดยง่ายดังที่ฝึกฝนไว้ว่าตัวมันนั้นไม่ใช่กระดูกและขน แต่เป็นความนึกคิดอันสมบูรณ์ด้วยอิสรภาพและการบิน ไม่มีอะไรเป็นข้อจำกัดแต่อย่างใด

โจนาธาน ตอนสอง (1)



" โจนาธานต้องเลิกมองตนเองว่าถูกักอยู่ในร่างกายที่จำกัดเพียงสี่สิบสองนิ้วฟุตของความยาวของปีกหรือข้อจำกัดของการบินที่ตราไว้บนตาราง เคล็ดลับก็คือ จะต้องรู้ถึงธรรมชาติที่แท้จริงของตนเอง อยู่ได้ทุกๆ แห่งในฉับพลัน ข้ามพ้นสถานที่และกาลเวลา และเป็นเลิศเสมือนเลขที่ไม่มีตัวเขียน " 

            เย็นวันหนี่ง บรรดานางนวลที่ไม่ได้บินกลางคืนยืนรวมกันอยู่บนหาดทราย และต่างก็คิด โจนาธานรวบรวมความกล้าทั้งหมดไว้เดินเข้าไปหานางนวลผู้ใหญ่ตัวที่พูดกันว่า จะไปพ้นโลกนี้ในไม่ช้า
             "เจียง.." โจนาธานกล่าวขึ้น ประหม่าเล็กน้อย
             นางนวลเฒ่ามองโจนาธานอย่างเมตตา
             "ว่าไงลูก" แทนที่จะอ่อนเรี่ยวแรงโดยอายุขัย นางนวลผู้ใหญ่ กลับมีพลัง มันสามารถบินได้เหนือนางนวลใดๆ ในฝูง และมันได้เรียนรู้ความชำนิชำนาญที่นางนวลอื่นๆ เพิ่งจะเริ่มรู้ทีละเล็กละน้อย
             "เจียง โลกนี้ไม่ใช่สวรรค์เลย ใช่ไหม?"
             นางนวลผู้ใหญ่ยิ้มภายใต้แสงจันทร์
             "เธอกำลังเรียนรู้อีกแล้วนางนวลโจนาธาน" มันพูดขึ้น
             "เอ้อ อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากที่นี้? เรากำลังจะไปไหนกัน ไม่มีที่ที่เป็นสวรรค์หรอกหรือ?"
             "ไม่มี โจนาธาน ไม่มีที่ที่เป็นสวรรค์ดอก สวรรค์ไม่ใช่สถานที่ และก็ไม่ใช่กาลเวลา สวรรค์คือความเป็นเลิศ" เจียงเงียบไปชั่วขณะ
             "เธอเป็นผู้บินเร็วมาก ใช่ไหม?"
             "ฉัน…ฉันชอบความเร็ว" โจนาธานเอ่ยขึ้นตะกุกตะกัก แต่ก็ภูมิใจที่นางนวลผู้ใหญ่สังเกตเห็น
             "เธอจะเริ่มสัมผัสสวรรค์ โจนาธาน เมื่อถึงเวลาที่เธอสัมผัสความเร็วเลิศนั้น และนั่นไม่ใช่การบินด้วยความเร็วหนึ่งพันไมล์ต่อชั่วโมง หรือหนึ่งล้านไมล์ หรือบินด้วยความเร็วของแสง เพราะว่าไม่ว่าจำนวนใดก็เป็นขอบเขตจำกัด และความเป็นเลิศไม่มีขอบเขต ความเร็วเลิศ,ลูกรัก คือการไปถึงที่นั่น"
             โดยปราศจากสัญญาณใดๆ เจียงหายวับไปและปรากฎตัวใหม่อยู่ที่ขอบน้ำห้าสิบฟุตไกลออกไป ทั้งหมดนี้ทำเพียงแค่แวบเดียวของชั่วขณะหนึ่ง เจียงหายวับอีกครั้งและกลับมาเคียงข้างไหล่ของโจนาธาน ในเวลาเพียงมิลลิวินาทีเช่นกัน "สนุกดี" เจียงว่า โจนาธานงงไปหมด มันลืมที่จะถามเรื่องสวรรค์
             "เธอทำอย่างนั้นได้อย่างไร แล้วรู้สึกอย่างไร เธอไปได้ไกลแค่ไหน"
             "เธอไปที่ไหนก็ได้ เวลาไหนก็ได้ตามที่เธอปรารถนาจะไป" นางนวลผู้ใหญ่กล่าวตอบ "ฉันได้ไปมาแล้วทุกหนทุกแห่ง และทุกกาลเวลาที่ฉันพอจะคิดได้" เจียงมองข้ามท้องทะเลออกไป " มันประหลาด นางนวลที่เยาะเย้ยความเป็นเลิศเพื่อที่จะได้ไปเที่ยว กลับไม่ได้ไปไหน แล้วก็เชื่องช้า ผู้ที่พักการเที่ยวไว้เพื่อแสงหางความเป็นเลิศ ไปไหนก็ได้ และก็รวดเร็วฉับพลัน จำไว้ โจนาธาน สวรรค์ไม่ใช่สถานที่หรือกาลเวลา เพราะสถานที่และกาลเวลาไร้ความหมายยิ่งนัก สวรรค์คือ..ง"
             "เธอสอนฉันให้บินอย่างนั้นได้ไหม" นางนวลโจนาธานสั่นสะท้านที่จะพิชิตความไม่รู้อีกอันหนึ่ง
             "แน่นอน ถ้าเธออยากจะเรียน"
             "ฉันอยาก เราจะเริ่มกันได้เมื่อไร"
             "เราเริ่มเดี๋ยวนี้ก็ได้ ถ้าเธอต้องการ"
             "ฉันอยากเรียนที่จะบินแบบนั้น" โจนาธานพูด และแสงประหลาดวูบวาบขึ้นในดวงตาของมัน "บอกฉันซิว่าจะทำอย่างไร" เจียงพูดขึ้นอย่างช้าๆ และเฝ้าดูเจ้านางนวลหนุ่มอย่างใกล้ชิดยิ่ง
             "การที่จะบินให้เร็วเท่าความนึกคิด ไปที่ไหนก็ได้คือ" เจียงกล่าว "เธอจะต้องเริ่มด้วยความคิดที่ว่าเธอได้ไปถึงแล้ว…" ตามที่เจียงว่า เคล็ดลับก็คือโจนาธานต้องเลิกมองตนเองว่าถูกักอยู่ในร่างกายที่จำกัดเพียง สี่สิบสองนิ้วฟุตของความยาวของปีกหรือข้อจำกัดของการบินที่ตราไว้บนตาราง เคล็ดลับก็คือ จะต้องรู้ถึงธรรมชาติที่แท้จริงของตนเอง อยู่ได้ทุกๆ แห่งในฉับพลัน ข้ามพ้นสถานที่และกาลเวลา และเป็นเลิศเสมือนเลขที่ไม่มีตัวเขียน....

โจนาธาน ตอนสอง

             โจนาธานคิดและต้องยิ้มกับตัวเอง มันช่างไม่น่านิยมเลยที่จะวิเคราะห์สวรรค์ในขณะที่กำลังบินเข้าไปหา เวลาที่โจนาธานบินออกจากโลก เหนือหมู่เมฆเคียงข้างไปกับนางนวลสดใสสองตัวนั้น มันเริ่มมองเห็นว่าตัวของมันเองก็ส่งประกายสุกสกาวราวกับเจ้านกสองตัวนั่น แน่นอน นางนวลหนุ่มโจนาธานยังคงอยู่เหมือนเดิมดั่งที่เคยเป็นมาเบื้องหลังดวงตาสีทอง แต่รูปกายภายนอกได้เปลี่ยนไปเสียแล้ว ความรู้สึกก็ยังเป็นตัวนางนวล แต่ว่ามันบินได้ดีกว่าตัวเก่า

            ทำไมล่ะ โจนาธานคิดเ พียงใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียวฉันก็จะบินได้เร็วถึงสองเท่า สองเท่าของวันที่เคยบินดีที่สุดบนพื้นโลก! ถึงตอนนั้นขนของโจนาธานส่งประกายใสขาว ปีกของมันนุ่มนวลและมั่นคงราวกับแผ่นเงินขัด โจนาธานเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับปีกทั้งสองด้วยความลิงโลด มันสอดใส่พลังเข้าไปในปีกอันใหม่ โจนาธานรู้สึกว่ามันเกือบถึงที่สุดของความเร็วในการบินระดับตรงแล้ว เมื่อมันบินได้ถึงสองร้อยห้าสิบไมล์ต่อชั่วโมง และเมื่อมันบินได้สองร้อยเจ็ดสิบสามไมล์ต่อชั่วโมง มันคิดว่ามันบินเร็วสูดความสามารถแล้ว และก็ทำให้มันผิดหวังยิ่งที่มีขอบเขตจำกัดต่อรูปกายตัวใหม่ของมัน แม้ว่ามันจะบินได้เร็วกว่าสถิติบินระดับตรงเดิม กระนั้นก็ยังเป็นขอบเขตจำกัดที่ต้องใช้ความพยายามมหาศาลที่จะทำลาย

            โจนาธานคิดว่าไม่ควรจะมีขอบเขตจำกัดในสวรรค์เลย ก้อนเมฆแตกกลุ่มออก นกที่มาด้วยทั้งสองร้องขึ้นว่า "ขอให้ร่อนลงด้วยความปลอดภัยนะโจนาธาน" แล้วก็หายลับไปในอากาศที่เบาบางนั้น

             โจนาธานบินอยู่เหนือทะเล มุ่งไปสู่แนวชายหาดที่ขรุขระ นางนวลสองสามตัวกำลังฝึกบินพุ่งขึ้นเหนือหน้าผา นกอีกจำนวนหนึ่งกำลังบินอยู่ที่ขอบน้ำกับฟ้าไกลออกไปทางเหนือ นั่นเป็นทัศนภาพใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆ และคำถามใหม่ๆ ทำไมถึงมีนางนวลน้อยนัก ในสวรรค์ควรจะเต็มไปด้วยฝูงนกนางนวล! และทำไมฉันถึงได้เหนื่อยนัก อย่างทันทีทันควัน นางนวลในสวรรค์ไม่น่าจะเหนื่อยได้เลย หรือก็ไม่น่าจะต้องหลับนอนด้วย
             โจนาธานได้ยินเรื่องแบบนี้มาจากไหนนะ ความทรงจำในชีวิตบนพื้นโลกของมันกำลังหดหายไป แน่นอนพื้นโลกเป็นที่ที่มันได้เรียนรู้อย่างมากมาย แต่รายละเอียดเล็กน้อยกำลังจางหายไป เรื่องเกี่ยวกับการแย่งชิงอาหาร เรื่องเป็นตัวหัวเน่า นางนวลสิบสองตัวจากชายฝั่งตรงเข้ามาหาโจนาธาน ไม่มีตัวไหนพูดอะไรสักคำ แต่โจนาธานรู้สึกว่ามันได้รับการต้อนรับและที่นี่ก็คือบ้าน วันนั้นเป็นวันสำคัญสำหรับมัน เป็นวันที่มันจำไม่ได้ว่ามีดวงตะวันขึ้นอีกต่อไป
               โจนาธานค่อยๆ ร่อนลงบนชายหาด ตีปีกให้หยุดเพียงหนึ่งนิ้วฟุตบนอากาศ แล้วก็หย่อนตัวลงบนพื้นทรายอย่างแผ่วเบา นางนวลตัวอื่นๆ ร่อนลงด้วยเช่นกัน แต่ไม่มีสักตัวเดียวที่ตีขนมากกว่าหนึ่งอัน พวกนั้นหมุนไปกับลม เหยียดปีกที่สดใสออกเต็มที่ แล้วก็ขยับเปลี่ยนวงโค้งที่ขนจนหยุดอยู่กับที่ ในขณะเดียวกับที่เท้าของมันแตะพื้นทราย มันช่างเป็นการบังคับตัวที่งดงาม แต่ในตอนนี้โจนาธานก็หนื่อยเกินกว่าที่จะลองทำดูบ้าง มันม่อยหลับไปในขณะที่ยืนอยู่บนหาดนั้นโดยที่ยังมิได้พูดอะไรสักคำเดียว


             หลายๆ วันต่อมา โจนาธานพบว่ามีสิ่งที่ต้องเรัยนรู้มากมายเรื่องการบินในสถานที่นี้ เหมือนกับในชิวิตที่มันทิ้งไว้เบื้องหลัง แต่ก็แตกต่างกัน ที่นี่นางนวลที่รู้จักคิดเหมือนกับที่มันคิด สำหรับนกแต่ละตัวนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการดำรงชีวิตคือการไขว่คว้าและสัมผัสความเป็นเลิศซึ่งพวกนั้นรักที่จะทำ สิ่งนั้นคือการบิน พวกนั้นทั้งหมดนั่นแหละ พวกนั้นใช้เวลาชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าทุกวันเฝ้าฝึกบินทดลองการเดินทางอากาศที่พิสดาร เป็นเวลานานทีเดียวที่โจนาธานลืมโลกที่มันจากมา ลืมที่ที่ฝูงนางนวลใช้ชีวิตอยู่ด้วยดวงตาที่ปิดสนิทต่อความเริงรื่นในการบิน ฝูงนางนวลนั้น ใช้ปีกเป็นเครื่องมือสุดสิ้นเพียงการหาหรือแย่งชิงอาหารแต่ในบางครั้งบางคราวเพียงชั่วแวบโจนาธานก็ระลึกขึ้นมาได้บ้าง


             เช้าวันหนึ่งโจนาธานออกไปกับครูผู้สอน ขณะที่มันพักอยู่ที่ชายหาดหลังจากวาระการบินถลาเร็วโดยพับปีก มันก็นึกขึ้นมาได้
             "เขาหายไปไหนกันหมด ชัลลิแวน" โจนาธานถามขึ้นอย่างเงียบๆ ตอนนี้มันคุ้นเคยกับการติดต่อสนทนาด้วยกระแสจิตอย่างง่ายๆ ที่นางนวลเหล่านี้ใช้แทนการแหกปากตะโกนเจี๊ยวจ๊าว
             "ทำไมถึงไม่มีพวกเรามากกว่านี้อยู่ที่นี่ ทำไมนะ ที่ที่ฉันจากมามี…"
             "….มีนางนวลเป็นพันๆ ฉันรู้ดี" ซัลลิแวนส่ายหัว "คำตอบคำเดียวที่ฉันพอจะเห็น โจนาธาน คือว่าเธอเป็นนกหนึ่งในล้านทีเดียว พวกเราส่วนมากมาที่นี่ช้าเหลือเกิน เราไปจากโลกหนึ่งสู่อีกโลกหนึ่งที่เกือบจะเหมือนกันหมด แล้วก็ลืมที่ที่เราจากมาทันที ไม่สนใจว่าเราจะไปไหน เราอยู่เพื่อขณะใดขณะหนึ่ง เธอรู้ไหมว่าสักกี่ชาติที่เราต้องผ่านมาก่อนที่เราจะได้คิดเป็นครั้งแรกว่า ชีวิตมีความหมายมากกว่าการกิน การแย่งชิง หรืออำนาจในฝูงนก? ตั้งพันชาติ โจนาธาน หมื่นชาติ! แล้วก็อีกหนึ่งร้อยชาติที่จะได้ความคิดความหมายในการดำรงชีวิตของเรา คือ การแสวงหาความเป็นเลิศอันนั้นและเผยแพร่ต่อไป กฎเกณฑ์อย่างเดียวกันนี้ตกอยู่กับเราในปัจจุบันแน่นอน เราเลือกโลกหน้าของเราจากสิ่งที่เราเรียนรู้ในโลกนี้ เมื่อไม่เรียนรู้อะไร โลกหน้าก็เป็นเหมือนโลกนี้ มีข้อจำกัดเหมือนๆ กันและสร้างภาระให้ต้องเอาชนะ" ซัลลิแวนเหยียดปีกออกและหันหน้าไปทางลม
             "แต่เธอ จอน" มันพูดขึ้น "เธอเรียนรู้มหาศาลเพียงเวลานิดเดียว เธอไม่ต้องผจญผ่านตั้งพันชาติเพื่อมาถึงชาตินี้"

             ชั่วขณะต่อมานางนวลทั้งสองก็ขึ้นไปลอยอยู่ในอากาศอีกครั้ง ฝึกฝนการบินกลิ้งคู่นั้นยากยิ่งเพราะโจนาธานต้องคิดเวลาตีลังกากลับครึ่ง กลับโค้งมุมปีก และกลับให้พร้อมเพรียงกับครูผู้สอน
             "ลองดูอีกที" ซัลลิแวนพูดครั้งแล้วครั้งเล่า "ลองอีกที"
             แล้วในที่สุด
             "ดี"    และนางนวลทั้งสองก็เริ่มฝึกบินวงนอก