วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

โจนาธาน ตอนสอง

             โจนาธานคิดและต้องยิ้มกับตัวเอง มันช่างไม่น่านิยมเลยที่จะวิเคราะห์สวรรค์ในขณะที่กำลังบินเข้าไปหา เวลาที่โจนาธานบินออกจากโลก เหนือหมู่เมฆเคียงข้างไปกับนางนวลสดใสสองตัวนั้น มันเริ่มมองเห็นว่าตัวของมันเองก็ส่งประกายสุกสกาวราวกับเจ้านกสองตัวนั่น แน่นอน นางนวลหนุ่มโจนาธานยังคงอยู่เหมือนเดิมดั่งที่เคยเป็นมาเบื้องหลังดวงตาสีทอง แต่รูปกายภายนอกได้เปลี่ยนไปเสียแล้ว ความรู้สึกก็ยังเป็นตัวนางนวล แต่ว่ามันบินได้ดีกว่าตัวเก่า

            ทำไมล่ะ โจนาธานคิดเ พียงใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียวฉันก็จะบินได้เร็วถึงสองเท่า สองเท่าของวันที่เคยบินดีที่สุดบนพื้นโลก! ถึงตอนนั้นขนของโจนาธานส่งประกายใสขาว ปีกของมันนุ่มนวลและมั่นคงราวกับแผ่นเงินขัด โจนาธานเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับปีกทั้งสองด้วยความลิงโลด มันสอดใส่พลังเข้าไปในปีกอันใหม่ โจนาธานรู้สึกว่ามันเกือบถึงที่สุดของความเร็วในการบินระดับตรงแล้ว เมื่อมันบินได้ถึงสองร้อยห้าสิบไมล์ต่อชั่วโมง และเมื่อมันบินได้สองร้อยเจ็ดสิบสามไมล์ต่อชั่วโมง มันคิดว่ามันบินเร็วสูดความสามารถแล้ว และก็ทำให้มันผิดหวังยิ่งที่มีขอบเขตจำกัดต่อรูปกายตัวใหม่ของมัน แม้ว่ามันจะบินได้เร็วกว่าสถิติบินระดับตรงเดิม กระนั้นก็ยังเป็นขอบเขตจำกัดที่ต้องใช้ความพยายามมหาศาลที่จะทำลาย

            โจนาธานคิดว่าไม่ควรจะมีขอบเขตจำกัดในสวรรค์เลย ก้อนเมฆแตกกลุ่มออก นกที่มาด้วยทั้งสองร้องขึ้นว่า "ขอให้ร่อนลงด้วยความปลอดภัยนะโจนาธาน" แล้วก็หายลับไปในอากาศที่เบาบางนั้น

             โจนาธานบินอยู่เหนือทะเล มุ่งไปสู่แนวชายหาดที่ขรุขระ นางนวลสองสามตัวกำลังฝึกบินพุ่งขึ้นเหนือหน้าผา นกอีกจำนวนหนึ่งกำลังบินอยู่ที่ขอบน้ำกับฟ้าไกลออกไปทางเหนือ นั่นเป็นทัศนภาพใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆ และคำถามใหม่ๆ ทำไมถึงมีนางนวลน้อยนัก ในสวรรค์ควรจะเต็มไปด้วยฝูงนกนางนวล! และทำไมฉันถึงได้เหนื่อยนัก อย่างทันทีทันควัน นางนวลในสวรรค์ไม่น่าจะเหนื่อยได้เลย หรือก็ไม่น่าจะต้องหลับนอนด้วย
             โจนาธานได้ยินเรื่องแบบนี้มาจากไหนนะ ความทรงจำในชีวิตบนพื้นโลกของมันกำลังหดหายไป แน่นอนพื้นโลกเป็นที่ที่มันได้เรียนรู้อย่างมากมาย แต่รายละเอียดเล็กน้อยกำลังจางหายไป เรื่องเกี่ยวกับการแย่งชิงอาหาร เรื่องเป็นตัวหัวเน่า นางนวลสิบสองตัวจากชายฝั่งตรงเข้ามาหาโจนาธาน ไม่มีตัวไหนพูดอะไรสักคำ แต่โจนาธานรู้สึกว่ามันได้รับการต้อนรับและที่นี่ก็คือบ้าน วันนั้นเป็นวันสำคัญสำหรับมัน เป็นวันที่มันจำไม่ได้ว่ามีดวงตะวันขึ้นอีกต่อไป
               โจนาธานค่อยๆ ร่อนลงบนชายหาด ตีปีกให้หยุดเพียงหนึ่งนิ้วฟุตบนอากาศ แล้วก็หย่อนตัวลงบนพื้นทรายอย่างแผ่วเบา นางนวลตัวอื่นๆ ร่อนลงด้วยเช่นกัน แต่ไม่มีสักตัวเดียวที่ตีขนมากกว่าหนึ่งอัน พวกนั้นหมุนไปกับลม เหยียดปีกที่สดใสออกเต็มที่ แล้วก็ขยับเปลี่ยนวงโค้งที่ขนจนหยุดอยู่กับที่ ในขณะเดียวกับที่เท้าของมันแตะพื้นทราย มันช่างเป็นการบังคับตัวที่งดงาม แต่ในตอนนี้โจนาธานก็หนื่อยเกินกว่าที่จะลองทำดูบ้าง มันม่อยหลับไปในขณะที่ยืนอยู่บนหาดนั้นโดยที่ยังมิได้พูดอะไรสักคำเดียว


             หลายๆ วันต่อมา โจนาธานพบว่ามีสิ่งที่ต้องเรัยนรู้มากมายเรื่องการบินในสถานที่นี้ เหมือนกับในชิวิตที่มันทิ้งไว้เบื้องหลัง แต่ก็แตกต่างกัน ที่นี่นางนวลที่รู้จักคิดเหมือนกับที่มันคิด สำหรับนกแต่ละตัวนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการดำรงชีวิตคือการไขว่คว้าและสัมผัสความเป็นเลิศซึ่งพวกนั้นรักที่จะทำ สิ่งนั้นคือการบิน พวกนั้นทั้งหมดนั่นแหละ พวกนั้นใช้เวลาชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าทุกวันเฝ้าฝึกบินทดลองการเดินทางอากาศที่พิสดาร เป็นเวลานานทีเดียวที่โจนาธานลืมโลกที่มันจากมา ลืมที่ที่ฝูงนางนวลใช้ชีวิตอยู่ด้วยดวงตาที่ปิดสนิทต่อความเริงรื่นในการบิน ฝูงนางนวลนั้น ใช้ปีกเป็นเครื่องมือสุดสิ้นเพียงการหาหรือแย่งชิงอาหารแต่ในบางครั้งบางคราวเพียงชั่วแวบโจนาธานก็ระลึกขึ้นมาได้บ้าง


             เช้าวันหนึ่งโจนาธานออกไปกับครูผู้สอน ขณะที่มันพักอยู่ที่ชายหาดหลังจากวาระการบินถลาเร็วโดยพับปีก มันก็นึกขึ้นมาได้
             "เขาหายไปไหนกันหมด ชัลลิแวน" โจนาธานถามขึ้นอย่างเงียบๆ ตอนนี้มันคุ้นเคยกับการติดต่อสนทนาด้วยกระแสจิตอย่างง่ายๆ ที่นางนวลเหล่านี้ใช้แทนการแหกปากตะโกนเจี๊ยวจ๊าว
             "ทำไมถึงไม่มีพวกเรามากกว่านี้อยู่ที่นี่ ทำไมนะ ที่ที่ฉันจากมามี…"
             "….มีนางนวลเป็นพันๆ ฉันรู้ดี" ซัลลิแวนส่ายหัว "คำตอบคำเดียวที่ฉันพอจะเห็น โจนาธาน คือว่าเธอเป็นนกหนึ่งในล้านทีเดียว พวกเราส่วนมากมาที่นี่ช้าเหลือเกิน เราไปจากโลกหนึ่งสู่อีกโลกหนึ่งที่เกือบจะเหมือนกันหมด แล้วก็ลืมที่ที่เราจากมาทันที ไม่สนใจว่าเราจะไปไหน เราอยู่เพื่อขณะใดขณะหนึ่ง เธอรู้ไหมว่าสักกี่ชาติที่เราต้องผ่านมาก่อนที่เราจะได้คิดเป็นครั้งแรกว่า ชีวิตมีความหมายมากกว่าการกิน การแย่งชิง หรืออำนาจในฝูงนก? ตั้งพันชาติ โจนาธาน หมื่นชาติ! แล้วก็อีกหนึ่งร้อยชาติที่จะได้ความคิดความหมายในการดำรงชีวิตของเรา คือ การแสวงหาความเป็นเลิศอันนั้นและเผยแพร่ต่อไป กฎเกณฑ์อย่างเดียวกันนี้ตกอยู่กับเราในปัจจุบันแน่นอน เราเลือกโลกหน้าของเราจากสิ่งที่เราเรียนรู้ในโลกนี้ เมื่อไม่เรียนรู้อะไร โลกหน้าก็เป็นเหมือนโลกนี้ มีข้อจำกัดเหมือนๆ กันและสร้างภาระให้ต้องเอาชนะ" ซัลลิแวนเหยียดปีกออกและหันหน้าไปทางลม
             "แต่เธอ จอน" มันพูดขึ้น "เธอเรียนรู้มหาศาลเพียงเวลานิดเดียว เธอไม่ต้องผจญผ่านตั้งพันชาติเพื่อมาถึงชาตินี้"

             ชั่วขณะต่อมานางนวลทั้งสองก็ขึ้นไปลอยอยู่ในอากาศอีกครั้ง ฝึกฝนการบินกลิ้งคู่นั้นยากยิ่งเพราะโจนาธานต้องคิดเวลาตีลังกากลับครึ่ง กลับโค้งมุมปีก และกลับให้พร้อมเพรียงกับครูผู้สอน
             "ลองดูอีกที" ซัลลิแวนพูดครั้งแล้วครั้งเล่า "ลองอีกที"
             แล้วในที่สุด
             "ดี"    และนางนวลทั้งสองก็เริ่มฝึกบินวงนอก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น